วาทะเด่นของงานประชุมครั้งนี้เกิดจากการตั้งคำถามต่อตัวท่านเองว่า หากท่านเกิดมีแฟนแล้วเกิดไปมีเพศสัมพันธ์กัน ก็จะถูกครหาว่า “มีเพศสัมพันธ์หลังวัยอันควร” เห็นไหมว่า ผู้หญิงโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

วันที่ 9 กันยายน 2550

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ 18 นับถอยหลังต่อไปก็พบว่ายังเหลืออีก 66 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ผมกลับบ้านเพื่อไปเป็นส่วนร่วมในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการณ์เรื่องการดูแลสตรีแท้งบุตร ที่สงขลา โดยกองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย เป็นเจ้าภาพ ครั้งนี้โรงพยาบาลหาดใหญ่และภาควิชาของผมเป็นเจ้าภาพร่วมด้วย เลยอยากจะเขียนเป็นตอนๆ ไปครับ

เช้าวันอังคารผมไป round เช้าตามปกติ อานีต้ายังไม่มาทำงาน ผมว่างงานเพราะเช้าวันนี้ครูลีลาหยุด เลยปิดคลินิก จึงได้ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ 10 โมงกว่าๆ ผมไปที่ห้างส่งเสียงเพื่อซื้อผลไม้กลับบ้านตามคำเรียกร้องของสองสาวที่บ้าน ผมซื้อสตรอเบอร์รี่ กีวี่และพรุนสด จากนั้นกลับไปที่ห้องเพื่อเอากระเป๋าที่แสนจะหนักอึ้ง (7.9 กิโลกรัม จากการชั่งที่สนามบิน) ที่หนักก็เพราะว่าหอบเอาเสื้อผ้ากลับไปซักที่บ้าน หมักเอาไว้ตั้ง 2 สัปดาห์กว่า ผมไม่ชอบซักผ้าที่นี่เลยครับ เพราะว่าไม่ค่อยสะอาด สีก็หม่นลงทุกวัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร อีกอย่างก็คือรีดไม่ค่อยเรียบนั่นเอง หอบของไปสนามบิน กินหมี่เสียม (Mee Siam) แล้วก็ขึ้นเครื่อง

วันนี้เครื่องออกสายไป 15 นาทีครับ จิ๋มมารอรับอยู่แล้ว ออกมานอกสนามบินปุ๊บ พี่เปิ้ลก็โทรเข้าเครื่องผมทันที เรียกให้ไปประชุมเตรียมงานของวันพรุ่งนี้ ผมก็บอกว่ามีสิ่งที่ต้องทำมากมาย ไม่ประชุมได้ไหม ถือซะว่าผมไม่อยู่สิ พี่ท่านผู้นี้ก็ไม่ยอม เอาล่ะสิ จึงรีบไปส่งจิ๋มที่โรงพยาบาล ไปรับน้องจ้าที่บ้าน เธอวิ่งตัวกลมมากอดผมเสียแน่น จูบกันอยู่หลายทีก็พาไปขึ้นรถเพื่อไปรับพี่แป้งที่โรงเรียน เธอวิ่งออกมาจากตึกโรงเรียนตัวปลิวเลย ผมนี่เสียวว่าจะล้ม เราก็กอดกันอีกเหมือนเดิม รายนี้พูดไม่ออกได้แต่กอดอย่างเดียว ผมไม่ได้พาลูกเข้าบ้าน เพราะแวะไปที่ภาควิชาก่อน เมื่อขึ้นมาถึงบ้านเก่า ทุกคนทักทายกันเสียงขรม ไม่ได้เจอคนพูดมากไปตั้ง 4 เดือนกว่า พี่เปิ้ลคงได้ยินเสียงจึงออกมาเรียกให้เข้าไปประชุมทันที จริงๆ พี่เปิ้ลเธอก็ได้เตรียมงานมามากแล้ว นี่คงเป็นการประชุมรอบสุดท้าย มีปัญหาเรื่องเตียงคนไข้ เรื่องคนทำงาน คนช่วยงานบ้าง คุยกันพักหนึ่งก็เลิกประชุม ผมไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย บอกแล้วไงว่าพี่เปิ้ล พี่เอี้ยง (เลขาภาคผม) เขาเป็นมือโปรอยู่แล้ว

ผมไปส่งลูกสาวที่บ้าน แล้วรีบออกไปตัดผม เพราะตอนนี้เป็นน้องๆ ทาร์ซานอยู่แล้ว จากนั้นไปรับจิ๋มแล้วก็กลับบ้าน เชื่อหรือไม่ว่า พี่เขียดได้ทำแกงส้มหน่อไม้ไว้ให้กิน ผมยิ้มแฉ่ง เพราะว่าอยากกินอยู่หลายวันแล้ว  ก่อนขึ้นเครื่องมานี่ก็เจ็บใจตัวเอง ที่ไม่ยอมบอกที่บ้านว่าให้เตรียมไว้ ดูนี่สิ ตอนนี้ได้กินสมใจอยาก บุญหนุนนำจริงๆ


ประชุมเรื่องแท้งบุตร 
1: วันพุธที่ 5 กันยายน 2550

เช้าวันพุธต้องรีบตื่น แป้งตื่น 6 โมง 20 นาที ซึ่งเป็นเวลาปกติของเธอตั้งแต่เรียนชั้นป.1 เป็นต้นมา ไม่เคยไปโรงเรียนสายเลย (ก๊อก ก๊อก) ชีวิตเด็กนอกเมืองหลวงก็เป็นเช่นนี้ครับ ไม่ต้องตื่นตอนตี 5 กินข้าวบนรถ แล้วก็หลับได้งีบหนึ่งก็ถึงโรงเรียน คุณจ้าร้องจ๊ากเพราะอยากไปด้วยกัน แต่คงร้องไปยังงั้น เพราะท้ายที่สุดก็มาจูบก่อนพ่อออกรถ ผมไปส่งแป้งแล้วรีบขับรถไปยังเมืองสงขลา

เราจัดประชุมกันที่โรงแรมบีพีสมิหลา ใช้เวลา 40 นาทีก็ถึง ผมไม่สามารถขับรถเข้าไปในโรงแรมได้ เพราะเขาห้ามเข้า มีการรักษาความปลอดภัยสำหรับการประชุมของรัฐมนตรีจากประเทศไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรนะครับ แต่ตำรวจทหารอยู่ในโรงแรมมากมายเชียว

เมื่อเข้าไปที่ประชุม เขาเปิดงานเสร็จแล้ว กำลังจัดห้องเพื่อถ่ายรูปรวมหมู่ งานนี้ผมบอกว่าเป็น “ยี่ห้อนงลักษณ์” เพราะว่าคุณนงลักษณ์ต้องให้มีการถ่ายรูปหมู่ซะทุกครั้งไม่เคยพลาดเลย ผมเลยมาทันเวลาได้ทักทายท่านหลายคนที่เป็นที่รักของผม ไม่ว่าจะเป็นคุณนงลักษณ์เอง อาจารย์ประมวล อาจารย์กำแหง อาจารย์สุวชัย อาจารย์ประทักษ์ อาจารย์กฤตยา อาจารย์รณชัย ทักทายกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะเยอะเหลือเกิน งานนี้อาจารย์ทวีเกียรติและอาจารย์สัญญา ไม่ได้มาด้วย น่าเสียดายจริงๆ

หลังจากพักเบรกกันแล้วก็เริ่มด้วยการเสวนาของ 3 ท่านผู้ยิ่งใหญ่ (ต่อความคิดของผม) คือคุณมีชัย วีระไวทยะ (ท่านนี้ทุกคนคงรู้จักดี) อาจารย์กฤตยา อาชวนิจกุล จากสถาบันวิจัยประชาการและสังคม มหิดล และอาจารย์รณชัย คงสกนธ์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์โรงพยาบาลรามาฯ

การอภิปรายครั้งนี้ดำเนินรายการโดยท่านอาจารย์นันทา อ่วมกุล จากกรมอนามัย ซึ่งอาจารย์ท่านนี้ผมชอบมากเพราะท่านเป็นผู้ดำเนินรายการที่โดนใจผมมาก เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่จับประเด็นได้ดีและลื่นไหล เสนาะหูผมยิ่งนัก

เริ่มต้นด้วยอาจารย์กฤตยา ได้นำเสนอเรื่องราวของความเป็นผู้หญิง การตั้งครรภ์ ความคาดหวังของสังคม งานวิจัยเชิงคุณภาพ ที่ท่านและลูกศิษย์ได้ร่วมกันทำ ผมชอบวาทะของท่านทุกครั้ง ไม่เคยง่วงเมื่อได้รับฟัง แม้จะเป็นเรื่องราวซ้ำเดิม แต่วิธีการนำเสนอไม่เคยซ้ำกันซักครั้ง คำว่า “ท้องเมื่อไม่พร้อม” ก็เกิดขึ้นจากงานวิจัยของลูกศิษย์ท่านเอง ท่านพูดถึงสังคมที่กำหนดให้ผู้หญิงต้องรับภาระจากการมีเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิด การตั้งครรภ์และเรื่องอื่นๆ

สังคมมักผลักภาระความเลวทรามมายังเพศหญิงเสมอๆ เป็นต้นว่า ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานมักไม่มีใครสน แต่เมื่อเป็นหญิงบ้าง สังคมกลับมองว่าเป็นหญิงไม่ดี หญิงที่อายุมากไม่แต่งงานก็ถูกนินทาว่าขึ้นคาน

แต่เดี๋ยวนี้เรื่องเหล่านี้ชักเปลี่ยนไปเพราะเราเห็นหญิงไม่แต่งงานมากมายชินตา หาเลี้ยงชีพได้ แต่ภาระกลับตกมายังผู้ชายมากขึ้น ใครที่ไม่แต่งงานมักถูกมองว่าเป็นเกย์ (ฮา) หญิงยังรับภาระเรื่องการคุมกำเนิด ต้องกินยา ฉีดยา ฝังยา รวมทั้งการใส่ห่วง แต่ผู้ชายมักไม่ค่อยต้องมารับผิดชอบ วาทะเด่นของงานประชุมครั้งนี้เกิดจากการตั้งคำถามต่อตัวท่านเองว่า หากท่านเกิดมีแฟนแล้วเกิดไปมีเพศสัมพันธ์กัน ก็จะถูกครหาว่า “มีเพศสัมพันธ์หลังวัยอันควร” เห็นไหมว่า ผู้หญิงโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

อาจารย์รณชัยได้พูดถึงมุมมองของหญิงที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมในมุมมองของจิตแพทย์ ท่านเสนอว่า

มีภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นมามากมายในกรณีนี้ ท่านมองไกลไปถึงการคลอดทารกที่พ่อแม่ไม่ต้องการไปว่า เขาเหล่านั้นอาจจะเป็นภาระของสังคมในอนาคต เพราะเด็กที่ขาดความรัก ขาดการเอาใจใส่ เป็นปัญหาของสังคมจริงๆ

ท่านยังกล่าวถึงผลกระทบต่อผู้หญิงที่ไปทำแท้งมาและหลังทำแท้งอาจารย์รณชัยเป็นท่านหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการดูแลสตรีแท้งบุตรสามารถนำออกมาใช้ได้ในปัจจุบัน ท่านพบคนไข้ที่มีปัญหาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม คนไข้ที่พยายามฆ่าตัวตาย เราเลยได้เข้าใจประเด็นเกี่ยวกับการวินิจฉัยภาวะทางจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับการตั้งท้องเมื่อไม่พร้อมอีกด้วยทุกครั้งที่ท่านบรรยาย จะมีสไลด์ภาพหนึ่งฉายขึ้นมา นั่นคือ ภาพร้านขายยา Viagra ซึ่งเปิดขายอ้าซ่า ในขณะที่ยาทำแท้ง ราคาถูก ที่เปิดขายติดกัน แต่ทางเข้าล้วนแต่มีทางกั้นมากมาย เข้าไปซื้อยากมาก

ท่านบอกว่า ยาที่ทำให้องคชาติแข็งตัวส่งเสริมการมี sex นั้น สังคมไม่ว่ากระไร ยาที่ทำให้คนท้องง่ายแบบนี้กลับไม่มีปัญหาในการเข้าถึง แต่ยาที่ช่วยคนที่มีปัญหา แม้ว่าราคาถูกกลับไม่สามารถเข้าถึง สังคมเราเป็นแบบนี้แหละครับ ยาทำแท้งราคาทุนราว 10 กว่าบาท ถูกนำมาขายในตลาดมือเม็ดละ 500-1,000 บาท เป็นไงครับ รวยเละ

มาปิดท้ายด้วยคุณมีชัยที่เปิดประเด็นด้วยคำว่า “ทำแท้งกันให้มากเถอะครับ” เล่นเอาทุกคนอึ้ง นัยของคำกล่าวนี้ก็คือ การเปิดใจยอมรับคนไข้ที่มีปัญหาตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม หมอส่วนหนึ่งที่เขาให้บริการยุติการตั้งครรภ์เป็นคนที่เสียสละ เขาช่วยให้ผู้หญิงที่มีปัญหาไม่ต้องไปเสี่ยงกับการทำแท้งเถื่อนที่ทั้งสกปรก ไม่ปลอดภัย ลองคิดดูสิครับ หากเขาตั้งใจทำแท้งแล้วเขาก็ต้องไปทำอยู่ดี หมอที่ทำเป็นไม่ทำให้ เขาก็ไปให้หมอเถื่อนทำให้อยู่ดี (ตรงนี้ผมขยายความเอง)

ก่อนจบการอภิปราย คุณนงลักษณ์ยังได้ต่อโทรศัพท์ให้ท่านคุยกับคุณหมอคนหนึ่งที่อุดรฯ ที่ถูกตำรวจจับข้อหาเปิดคลินิกทำแท้ง เราเลยได้ทราบว่าท่านถูกจับไปไว้ที่ safe house นานประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วถูกพยายามทำให้สารภาพว่าทำแท้ง และทางคุณนงลักษณ์ก็ได้ติดต่อให้อาจารย์ทวีเกียรติมาเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ คุณมีชัยบอกเราว่า ยังไม่เคยมีหมอคนไหนถูกดำเนินคดีเรื่องทำแท้งจริงๆ และถูกจับติดคุกเลยสักคนเดียว เราพูดกันว่าเรื่องนี้น่าจะให้อาจารย์ประมวลลองถูกจับดูสักครั้ง รับรองว่าดังแน่ๆ เราจะได้เห็นมาตรฐานของการตัดสินคดีความอย่างนี้เสียที คุณมีชัยยังยืนยันว่า ยังไงก็ไม่มีทางถูกดำเนินคดีครับ 

ตกบ่าย ก็เริ่มด้วยอาจารย์ประมวล อดีตเลขาฯแพทยสภา อดีตประธานราชวิทยาลัยสูติฯ และเป็นท่านที่สำคัญมากต่อการริเริ่มออกข้อบังคับแพทยสภาฯฉบับนี้ ท่านเล่าถึงความเป็นมาของกฎหมาย ความพยายามเปลี่ยนข้อความในมาตรา ๓๐๕ ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นอยู่กับการเมืองมาตลอด บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับคนๆ เดียวด้วยซ้ำ

จากนั้นก็เป็นการบรรยายเรื่องการให้การปรึกษาแนะนำในกรณีที่การทำแท้งนั้นเกิดในคนที่มีความต้องการบุตร ภาวะนี้คือความผิดปกติทางพันธุกรรมในทารกนั่นเอง อาจารย์ชนินทร์ จากศิริราชท่านเดิมนี่แหละ ไม่เคยไม่รู้เรื่อง ไม่เคยง่วงจากการฟังท่านบรรยายสักครั้ง ท่านบอกว่าอาชีพท่านคือการเป็นนักพูด แต่พูดให้คู่สมรสที่มีปัญหาฟังครับ ท่านเป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงที่กลับมาตอบแทนคุณบ้านเกิดได้อย่างดีจริงๆ ผมไม่สามารถอยู่ฟังจนจบ เพราะว่าเคยฟังมาหลายรอบแล้วนั่นหนึ่งหล่ะแต่จะรีบกลีบไปรับลูกเมียเพื่อมานอนที่โรงแรมนี่ต่างหาก คุณนงลักษณ์ได้จองห้องให้ไว้ห้องหนึ่ง เพื่อกลางคืนจะได้มาสังสรรค์เสวนากันต่ออีก และกว่าผมจะกลับมาโรงแรมได้ก็ปาเข้าไป 6 โมง รีบจัดข้าวของแล้ววิ่งลงสระกัน 3 คนพ่อลูก งานนี้คุณจ้าลงด้วย หัวเราะร่าหลังจากเมื่อครั้งที่ไปเกาะลันตานั้นเธอกลัวสระน้ำมาก เล่นน้ำได้ประมาณ 20 นาทีก็รีบขึ้น เพราะนัดกินมื้อเย็นกันตอน 6 โมงครึ่ง

งานเลี้ยงกลางคืนมีอาจารย์วีระพล หัวหน้าภาควิชาของผมมาร่วมด้วย ผมเลยได้คุยกับท่านในเรื่องราวที่เกี่ยวกับการมาเรียนต่อ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ภาควิชาไปหลายเรื่อง ตอนนี้อาจารย์ในภาควิชา 3 คนไปเรียนต่อต่างประเทศ อ.เกี๊ยง อยู่ที่อังกฤษ อ.ต่อ อยู่ที่อเมริกา กำลังจะกลับปลายเดือนนี้ อ.น้องมิ้นต์อยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนผมเรียนต่อต่างจังหวัด สิงคโปร์

ผมนั่งคุยได้ไม่นานก็ขึ้นห้องนอนเพราะลูกสาวเรียก เจ้าจ้าเพิ่งหลับไปไม่ถึง 5 นาที เธอบอกพี่แป้งว่าพ่อคุยอยู่ข้างล่าง แล้วก็สลบเหมือดเลย ส่วนพี่แป้งได้กอดผมอีก 5 นาทีก็สลบตามไปด้วยกัน ลูกสาวคนเล็กมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาอีก นั่นคือพัฒนาการด้านภาษา เธอสามารถพูดประโยคยาวๆ ได้ สามารถร้องขอสิ่งที่ต้องการหรือปฏิเสธได้ สามารถร้องเพลงเป็นท่อนสั้นๆได้ กินข้าวเอง เรื่องนี้ผมคิดว่าเธอเก่งกว่าพี่แป้งในวัยเดียวกัน เพราะรายนั้นไม่ยอมกินข้าวเองจนกระทั่งไปโรงเรียน ต้องป้อน ต้องขอร้องให้อ้าปากอยู่นั่นแหละ เจ้าตัวเล็กนี่กินดีกว่า หยุดนมขวดแล้วมาดูดจากกล่องได้เลย แต่ตั้งแต่อาเจียนและท้องเสียเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอก็หยุดดูดนมอีกเลยเช่นเดียวกัน อาล่ะมะ

ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/126897 โดย ผศ.นพ.ธนพันธุ์ ชูบุญ

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 0 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 0

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้