พร (ชื่อสมมุติ) อายุแค่ 30 ปีแต่มีลูกมาแล้ว 5 คน คนโตอายุ 15 ปี พรเริ่มมีคู่ตั้งแต่ยังเด็กชีวิตจึงไม่ราบรื่นเลยเพราะว่าในที่สุดก็เลิกรากับสามีคนแรกไป ลูกๆ ทั้งหมดพรดูแลเองโดยมีแม่ตัวเองช่วย ต่อมาได้อยู่กินกับสามีคนปัจจุบัน จนมีลูกด้วยกันตอนนี้อายุได้ 7 เดือน ยังกินนมแม่อยู่ ตอนคลอดลูกคนเล็กหมอถามเรื่องการทำหมัน แต่สุดท้ายพรก็ไม่ได้ทำเพราะกลัวเจ็บ ทำงานหนักไม่ได้

พรพบว่าตัวเองตั้งท้องได้ 8 สัปดาห์แล้ว ทั้งๆ ที่ลูกยังกินนมอยู่จึงไม่ได้คุมกำเนิด สามีที่เป็นพ่อของลูกคนเล็กนั้นพึ่งพาไม่ค่อยได้ ค่าใช้จ่ายในครอบครัวไม่พอ ลูกคนโตต้องหยุดเรียนออกไปรับจ้างกรีดยาง แต่ตอนนี้ประสบอุบัติเหตุรถล้ม ทำให้พรต้องหยุดงานรับจ้างรายวันมาดูแลอาการ พรโชคไม่ดีที่สามีคนนี้ชอบกินเหล้า เมาแล้วก็อาละวาด บางทีก็ใช้ความรุนแรงกับพรและลูกๆ ชีวิตครอบครัวเป็นแบบนี้ พรคิดแล้วว่าคงมีลูกอีกไม่ไหวแน่ แต่ไม่กล้าบอกเรื่องตั้งท้องให้แม่รู้เพราะแม่มีภาระเยอะแล้ว จึงเก็บเงินเพื่อจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง การตัดสินใจของพรครั้งนี้ เพื่อที่จะได้ดูแลลูก 6 คนที่เกิดมาแล้วให้ดีที่สุด..

แต่..การไปทำแท้งทำให้พรเสี่ยงต่อการถูกตำรวจจับตามความผิดอาญามาตรา 301 ที่เขียนไว้ว่า “หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ..” ถ้าพรถูกจับเข้าคุก ใครจะดูแลลูกๆ หรือ ถ้าถูกปรับไม่เกินหกหมื่นบาท จะต้องเป็นหนี้เป็นสินไปอีกกี่ปี… แล้วครอบครัวนี้จะมีชีวิตเป็นอย่างไร?

แต่ถ้าพรเกิดในยุคก่อนที่ผู้หญิงไทยแต่โบราณทำแท้งได้โดยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน คงไม่มีผู้หญิงที่พบปัญหา ที่บางคนไปทำแท้งไม่ปลอดภัยแล้วเสียชีวิต จริงๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วการทำแท้งเป็นเพียงบริการสุขภาพผู้หญิงด้านหนึ่งนะ (ดูเรื่องนี้เพิ่มได้ที่ : ทำไมต้องแก้กฎหมายทำแท้ง ? https://goo.gl/njddzh)

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงลุ้นว่าพรเป็นอย่างไร? พรโชคดีที่ไม่ถูกตำรวจจับ ทำแท้งปลอดภัยและกลับมาดูแลลูกๆ ได้แล้ว.. เราก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงต้องรอให้โชคดีด้วยล่ะ จะดีกว่านี้ไหมถ้ากฎหมายนั้นเป็นธรรมกับผู้หญิง ในช่วงที่ชีวิตยากลำบากที่สุด..

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.3 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 8

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้