ตลอดระยะเวลาในขณะนั้นสภาพจิตใจเธอย่ำแย่หนัก ทั้งเครียด วิตกกังวลและกดดัน ผสมกันอยู่อย่างนั้นจนตกผลึกถึงขั้นคิดอยากฆ่าสามี และยิ่งเมื่อคิดถึงบทเรียนจากการเลี้ยงลูกคนแรกแล้วยิ่งผลักให้เธอตัดสินใจที่จะทำแท้งลูกในทันทีที่เก็บเงินได้ครบจำนวน

“เราเกือบจะทุบลูกตัวเอง” เธอพูดเสียงดังก่อนจะเล่าต่อ พอลูกร้องกระจองอแงสามีก็จะตะโกนปลุกให้ตื่นลุกขึ้นมาอุ้มกล่อมทั้งคืน แล้วตอนเช้าต้องไปทำสวนแตงกวาและไปรับจ้างปลูกยาง อารมณ์มันก็หลุดโดยไม่รู้ตัวมือกำลังง้างทุบไปที่ลูกแต่ก็ได้สติขึ้นมาก่อน

“ลึกๆ ในทุกครั้งที่เราเห็นหน้าเขา มันจะมีวูบหนึ่งที่รู้สึกว่าเขาทำอะไรก็ไม่ถูกใจเรา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด” เธอเล่าถึงความคิดในขณะนั้น และนั้นทำให้เธอรู้ตัวว่าเธอเป็นผู้ที่ไม่พร้อมในการตั้งครรภ์เหตุจากหากเธอเลือกที่จะไม่ทำแท้ง หนึ่งต้องทำผิดกฎหมายอีกครั้งหนึ่งเพราะอีกหนึ่งชีวิตมีต้นทุนในการเกิดและโตแต่เธอไม่มีเงิน และสองเธอจะต้องเผลอโมโหสามีพลั้งลงมือทำร้ายลูกตัวเองในสักวันหนึ่ง

“มันเป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจ นั่งรถไปคนเดียวจากจังหวัดตราดมากรุงเทพฯ บอกใครก็ไม่ได้บอกแม่ก็ยิ่งจะทำให้เครียดหนัก ดีไม่ดีล้มป่วยลง เพราะอาจโทษตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”

ทั้งนี้ขณะเดียวกันในทางการแพทย์ก็มีข้อมูลทางวิชาการบอกถึงผลเสียต่อเด็กในครรภ์ หากคุณแม่ท้องไม่พร้อมภาวะทางจิตใจถูกกระทบไม่เพียงจะเกิดผลกระทบต่อลูกในระยะยาวที่เติบโต แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือส่งผลตั้งแต่ ณ ตอนนั้นที่ท้องอยู่พัฒนาการความสมบูรณ์ของเด็กอาจได้รบผลกระทบ เช่น 1.ผลต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ถดถอย 2.ผลด้านพัฒนาการสมอง 3.การคลอดก่อนกำหนดได้

“เราจึงคิดว่าเราตัดสินใจถูก หากเราเผลอทำร้ายลูกมันจะเลวร้ายขนาดไหน และยิ่งถ้าเขาเกิดมาแล้วติดเชื้อ HIV ที่เรามารู้ทีหลังการเอาน้องออก ทุกอย่างจะเป็นอย่างไร สำหรับเราให้มันจบที่เราคนเดียวดีกว่า”…

ขอขอบคุณเจ้าของเรื่อง และอนุญาตให้มีการเผยแพร่
ที่มา : “ความทุกข์ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ” เปิดใจ “หรั่ง-สุภาพร” จากสาวทำแท้งสู่จิตอาสาปรึกษาท้องไม่พร้อม https://www.posttoday.com/social/general/580407

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.3 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 6

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้