ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรจะเข้าใจว่า ผู้หญิงสามารถรับบริการทำแท้งได้โดยไม่ถือเป็นความผิด

บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เคารพรัก วินาทีที่คุณปฏิเสธคนไข้ท้องไม่พร้อมโดยไม่แนะนำอะไร นอกจากให้เธอไปฝากครรภ์ เธอจะไม่พึ่งระบบที่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่เธอจะไปเสาะหาที่ทำแท้งเถื่อนแทน และอีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับมาหาคุณอยู่ดี ด้วยภาวะแทรกซ้อนจากการไปทำแท้งเถื่อน

“วินาทีที่หญิงติดเชื้อมาโรงพยาบาล แล้วคุณสงสัยว่าจากการทำแท้ง หญิงคนนั้นจะไม่ใช่คนดีอีกต่อไป แต่เธอจะกลายเป็นอาชญากร” ที่คุณพร้อมจะลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ด้วยสายตาและคำพูด

“ถ้าคุณผลักไสเธอออกจากระบบบริการสุขภาพ..ประตูทำแท้งเถื่อนจะเปิดรับเธอทันที”

เรื่องทำแท้ง เราควรเดินออกมาจากวังวนของทัศนคติได้แล้ว หากพูดกันแต่เรื่องความเชื่อ ความผิดบาป การช่วยเหลือหญิงท้องไม่พร้อมจะไปไม่ถึงไหน และไม่มีทางที่จะเป็นบริการสุขภาพได้

เราอยู่ในสังคมที่หลากหลายความคิด และเคารพความต่าง แต่เราลืมให้ค่าของสิทธิหญิงท้องไม่พร้อมไหม ?

เพราะอะไรเราถึงไม่พูดถึงข้อกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301-305 และข้อบังคับแพทยสภาว่าการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ความเชื่อความรู้สึกของคนทำงานจะใหญ่กว่าข้อกฎหมายที่บังคับใช้ไม่ได้

ทุกวันนี้ หากมีผู้หญิงที่ทำแท้งมารักษาที่โรงพยาบาล จะมีการบันทึกในประวัติการรักษาว่า “Criminal Abortion” ถือเป็นการตีตราทางสังคม สิ่งแรกที่รู้สึกดีหลัง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า กฎหมายอาญามาตรา 301 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นั่นคือผู้หญิงที่ไปทำแท้งมาจะไม่ถูกเรียกว่า “อาชญากร” อีกต่อไป  

“Criminal Abortion” ได้ยินจนชินหู เห็นในใบสรุปแพทย์จนชินตา ต่อจากนี้ หวังว่าจะเห็นและได้ยิน การตีตราคนไข้ของบุคลากรทางการแพทย์ลดน้อยลง เพราะหญิงท้องไม่พร้อมคือคนไข้ที่มาใช้บริการรักษาสุขภาพ การร่วมแก้ไขปัญหาและรักษาสุขภาพให้เธอ จำเป็นต้องเคารพความเป็นมนุษย์ของเธอด้วย การทำร้ายเธอด้วยสายตาและคำพูด รวมถึงวิธีการต่างๆ เพื่อหวังให้เธอหลาบจำ เท่ากับไปซ้ำเติมให้เกิดการบาดเจ็บในใจในขณะที่เธอต้องได้รับการรักษา 

บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอาจลืมไปว่า พวกเธอไม่ได้มาขอให้รักษา แต่เธอมาใช้สิทธิอันพึงมีพึงได้ในเรื่องการรักษาพยาบาล

หากกฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งที่แล้วมา ทำให้การทำแท้งในสังคมไทย ถูกมองเป็นเรื่องผิดบาปมากกว่าสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้หญิง ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรจะปรับตัวกับข้อกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยใหม่ว่าผู้หญิงสามารถรับบริการทำแท้งได้โดยไม่ถือเป็นความผิดด้วยมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว

หากเรายังไม่ก้าวไม่พ้นกรอบของทัศนคติ กฎหมายจะถูกตีความอีกกี่รอบ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอีกกี่ครั้ง ผู้หญิงท้องไม่พร้อมก็ยังถูกลิดรอนสิทธิเช่นนี้ไปอีกเรื่อยๆ ด้วยน้ำมือของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขนี่เอง…

เรื่องโดย : คุณปาริษา ด้วงทอง หัวหน้ากลุ่มงานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลตรัง

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.9 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 57

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้