“นี่ถ้าหากสามีใหม่ของแม่ต้องการมีลูกกับแม่อีกคน แม่จะยอมไหม” เมื่อคำถามนี้หลุดปากออกไป หญิงสาวทั้งสามคนของผมต่างพร้อมใจกันหยุดตักข้าวเข้าปาก แล้วหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยนัยตาที่ปะปน

“ไม่” เธอตอบ

“แล้วลูกล่ะ หากพ่อจะขอมีลูกกับเมียใหม่ของพ่ออีกคน ลูกจะว่ายังไง” ไม่ยังไงหรอกครับ ก็แค่ผมยังไม่ยอมหยุดถาม

นั่นเพราะทุกคำถามล้วนมีที่มา…

“ทำไมจึงอยากมีลูกอีกคนล่ะ”
ผมถามผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอมีอายุมากประมาณหนึ่ง และเธอมีลูกอยู่แล้ว ๓ คน

ถ้าผมถามคำถามนี้ออกมา ผมก็พอจะเดาคำตอบได้บ้าง
ก. ลูกหลง
ข. ลูกสามคนเป็นผู้ชาย นี่อยากได้ลูกสาว
ค. ลูกสามคนเป็นผู้หญิง นี่อยากได้ลูกชาย
ง. สามีใหม่อยากมีลูกด้วย
จ. ตอบสี่ข้อบนก็พอ

“มีสามีใหม่ค่ะ” นั่นไง

“แล้วลูกทั้งสามคนที่มีอยู่ล่ะ” ผมก็ถามไปเรื่อยๆ เหมือนบทสนทนาตามปกติขณะที่กำลังคลำท้องเตรียมฟังเสียงหัวใจของเด็กน้อยที่ขดตัวอยู่ในมดลูก มันคงกำลังตื่นอยู่ ดิ้นขลุกขลักเชียว

“อยู่กับดิฉันสองคนค่ะ คนที่สามย่าเค้าช่วยพาไปเลี้ยง พ่อเค้าทิ้งไปแล้ว เค้าไปมีลูกกับผู้หญิงคนใหม่” ออ เธอถูกสามีคนเก่าทอดทิ้งไป ผมแอบถอนหายใจเบาๆ

“แล้วแฟนใหม่เธอโอเคเหรอ” คือที่ถาม เพราะจู่ๆ หากผมจะต้องเป็นสามีของใครอีกสักคน และอยากมีลูกกับเธอคนนั้น นั่นหมายความว่าผมก็จะได้ของแถมมาอีกสอง

“ค่ะ เค้าก็อยู่ด้วยกันได้ และนี่ยังต้องการมีลูกกับดิฉันอีกคนหนึ่ง”
“แล้วเค้าเคยมีลูกมาก่อนไหม”

“มีแล้วค่ะ” นี่ถ้าผมซื้อหวยเก่งๆ ก็คงจะรวยไปแล้ว เดาอะไรได้แม่นนัก
“ดิฉันต้องยอมมีลูกกับเค้าค่ะ เราต้องพึ่งเค้า ลูกสามคนยังต้องเรียน ถ้าไม่มีเค้าก็คงลำบาก” ผมพยายามมองเข้าไปในแววตาของคนพูด

ข้อ ง. คือสิ่งที่ผมยังคงมีความเคลือบแคลงมาโดยตลอดยี่สิบปีมานี้ นั่นเพราะไม่เข้าใจ ว่าทำไมเมื่อใครสักคู่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกัน จะต้องอยากมีลูกด้วยกัน ทั้งๆที่คนใดคนหนึ่ง หรือทั่งคู่ต่างก็มีลูกอยู่แล้ว

หากผู้หญิงยังสาว มีสุขภาพดี ผมก็ยังพอเข้าใจได้ หากแต่ผู้หญิงบางคนอายุมากเกินเกณฑ์ที่เรียกว่าสาว บางคนมีโรคประจำตัว บางคนมีลูกมาแล้วหลายคน หรือบางคนผ่านการผ่าท้องคลอดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และการมีลูกแต่ละครั้ง ล้วนทำให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เกิดความเสี่ยง…เสี่ยงอะไรบ้างล่ะหรือ

เสี่ยงแก่ : แน่สิ ตั้งท้องและมีลูกได้คนหนึ่ง โปรดอย่าเถียงผมว่าผู้หญิงจะไม่แก่ แก่ลงแน่นอนครับ แก่ลงกว่าวัยไปเยอะด้วย

เสี่ยงตาย : ใช่ครับ อยู่เฉยๆ ไม่ท้องก็จะไม่ตายเพราะการตั้งท้อง ไหนจะครรภ์เป็นพิษ ตกเลือด มดลูกแตก ติดเชื้อ และอีกหลายๆ โรคที่มันพร้อมจะมาเล่นงานคนท้อง ข้อมูลทางการแพทย์พบว่า มีผู้หญิงท้องที่ตายจากการตั้งท้องและคลอดลูกมากกว่าหญิงท้องที่ทำแท้งโดยแพทย์แน่นอน

เสี่ยงถูกทิ้ง : อันนี้ประชด แต่จะว่าไปก็พบเห็นได้อยู่เรื่อยๆ ผู้ชายเลวๆ มีเยอะครับ

ผู้หญิงหลายคน ยอมเจ็บตัวเพื่อการมีลูกให้ได้อีกครั้ง ไหนจะถูกตรวจนู่นตรวจนี้ บางคนถูกฉีดสีเข้าโพรงมดลูก บางคนต้องถูกผ่าตัดแก้หมัน บางคนต้องเสียเงินมากมายเพื่อใช้เทคโนโลยีในการมีลูก ทำเด็กหลอดแก้ว ทำอิ๊กซี่ ต้องถูกฉีดยากระตุ้นฟองไข่ ต้องถูกเจาะดูดเอาไข่ออกมาทางช่องคลอด ต้องถูกใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก ฉีดยาเพื่อให้ร่างกายรับเด็กหลอดแก้วให้ได้ บางคนมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เรียกว่ากว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ก็คางเหลือง

นั่นเพียงเพราะ เธออยากมีลูกกับสามีคนใหม่ หรือหากจะมองอีกมุมคือ สามีใหม่อยากมีลูกกับเธอมาก และเธอยอม เพื่ออะไร… นั่นสิ เพื่ออะไร ทำไมผมไม่อินเอาเสียเลย มันจึงเป็นที่มาของคำถามบนโต๊ะอาหารในวันนี้

“นี่ถ้าหากสามีใหม่ของแม่ต้องการมีลูกกับแม่อีกคน แม่จะยอมไหม” เมื่อคำถามนี้หลุดปากออกไป หญิงสาวทั้งสามคนของผมต่างพร้อมใจกันหยุดตักข้าวเข้าปาก แล้วหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยนัยตาที่ปะปน

“ไม่” เธอตอบ

“ไม่นี่หมายความว่า ไม่ยอมมีลูก หรือมีไม่ไหวแล้วกันแน่ อายุเยอะแล้วนะเรา หึหึ” ผมเย้า ซึ่งในความเป็นจริง อายุขนาดเมียผมนี่ หมอสูติฯ บ้าระห่ำบางคนยังทำให้เธอมีลูกได้อยู่นะครับ ทำให้มีได้ คลอดได้ แท้งได้ เอาแค่นี้พอ เรื่องค่าความเสียหายทั้งทางการเงิน และสุขภาพของผู้หญิงนั้น เราจะปิดตาเอาไว้

“แม่หมายความว่า แม่จะไม่มีสามีคนใหม่” คำตอบนี้ทำเอาผมใจหล่นตุ๊บ เพราะหากผมต้องตายไปเสียแต่ตอนนี้ เธอจะยอมเป็นหม้ายไปตลอดเลยนะนั่น เธอบอกว่าเธอจะไม่มีผัวใหม่

ใช่ครับ ผู้หญิงก็ไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคนหรอก บางคนมีความรักแล้วยอมได้ทุกอย่าง ในขณะที่บางคนนั้น รักส่วนรัก ท้องส่วนท้อง ชีวิตใครชีวิตมัน มันเจ๋งมาก ผมนี่อยากให้ลูกได้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของชีวิตเจ้าของร่างกายที่ควรหวงและรักษาสิทธิ์ไว้ให้ได้อย่างแม่ของเธอ

“เอาเหอะ จะว่าไปแล้ว ถ้าพ่อตายไป แม่จะมีผัวใหม่หรือไม่มีก็เรื่องของแม่นะ” ผมยิ้ม
“ลูกครับ แล้วถ้าพ่อมีผัวใหม่บ้าง ลูกจะยอมให้พ่อมีลูกอีกคนไหม” ผมยังคงถามต่อเนื่อง

“ห๊ะ..พ่อว่าไงนะ” แป้ง ซึ่งกำลังละเลียดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอยู่ถึงกับต้องหยุดถามและหัวเราะปากกว้างจนปากแทบฉีก

“เอิ่ม..พ่อพูดอะไรผิดไปรึเปล่าลูก”
แป้งไม่ตอบ

“พ่อกดกาแฟให้แก้วหนึ่งสิ” แต่ร้องขอกาแฟแทน เธอเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดนมสดออกมา รินนมลงในแก้ว french press แล้วโช้คนมถี่ยิกจนมันแตกฟองฟอด จากนั้นก็ค่อยๆ รินฟองนมสีขาวสดลงในถ้วยกาแฟ แล้วยกมาให้พ่อมัน

“ลาเต้อาร์ต ดื่มซะ จะได้เลิกฟุ้ง” ลาเต้อาร์ตรูปดอกเห็ด!

ธนพันธ์ ชูบุญ ซดลาเต้อุ่นๆ ครุ่นคิดเรื่องความเสมอภาคทางเพศและการรักษาสิทธิ์ในเรือนร่างของผู้คน
๑๗ พค ๖๓

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ
ที่มา : https://bit.ly/2ZoHqbf

ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ

คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้

จำนวนดาวเฉลี่ย 4.4 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 7

ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้