การบาดเจ็บการตายจากการทำแท้งเถื่อนยังมีอยู่จริง
Sex symposium มันมีชื่อไทยว่า “การประชุมระดับชาติ สุขภาวะทางเพศ ครั้งที่ ๓ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จากยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติที่ยั่งยืน” จะยาวไปไหนวะ มันถูกจัดขึ้นมาโดย สสส. และหน่วยงานใหญ่ๆร่วมด้วยอีกหลายหน่วยงาน เค้าเชิญผมมาร่วมในการบรรยายในหัวเรื่อง “มุมมองของแพทย์ต่อการทำแท้งที่ปลอดภัย”
“ชื่อเชยจังครับอาจารย์” ผมบอกกับอาจารย์ที่เคารพรักในฐานะที่ท่านจะเป็นผู้ดำเนินรายการในช่วงผม ท่านเคยเป็นประธานราชวิทยาลัยสูติฯ ของผมเอง ท่านบอกว่า กลัวคนไม่เข้าฟัง
“ก็เล่นตั้งขื่อเสียแบบนี้” ผมยังไม่เลิก“แล้วแป๊ะจะตั้งขื่อว่าอย่างไร” เลยถูกท่านย้อนกลับ“หมอ ช่วยหนูด้วย หนูท้อง” ผมเสนอ
ห้องของผม...
ทำแท้งและการตายอย่างเดียวดาย
“อ้อมครับ พี่จะไปสิชล เธออยู่ชะอวดมั้ย พี่จะแวะกินข้าวที่นั่น” ผมส่งข้อความหาเจ้าถิ่น ผมเดินทางผ่านปากทางเข้าชะอวดมานานนับได้เกิน ๒๐ ปี ไม่ผ่านทางด้านทิศตะวันตกทางถนนสายหลักของภาคใต้ ก็ผ่านทางทิศตะวันออกเส้นที่เข้าทางบ่อล้อ สายนครศรีฯ-หัวไทร
ชะอวดเหมือนเมืองที่ถูกทิ้ง เพราะหากจะไปชะอวด มันต้องมีเหตุผล หรือมีจุดประสงค์ เราจึงจะตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไป วันนี้เป็นวันดี วันที่ผมต้องเดินทางไปสิชลคนเดียว เวลาเป็นของผม ดังนั้น ชะอวดจึงเป็นหมุดหมายระหว่างทางสักที
“นู๋อยู่ตรังค่ะพี่” เออ อันนี้อ้อมตัวจริง “นู๋” แบบนี้...
คำถาม 5 ข้อ ที่ผมถามผู้หญิง…ผู้หญิงไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคน
“นี่ถ้าหากสามีใหม่ของแม่ต้องการมีลูกกับแม่อีกคน แม่จะยอมไหม” เมื่อคำถามนี้หลุดปากออกไป หญิงสาวทั้งสามคนของผมต่างพร้อมใจกันหยุดตักข้าวเข้าปาก แล้วหันมามองหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงพร้อมด้วยนัยตาที่ปะปน
“ไม่” เธอตอบ
“แล้วลูกล่ะ หากพ่อจะขอมีลูกกับเมียใหม่ของพ่ออีกคน ลูกจะว่ายังไง” ไม่ยังไงหรอกครับ ก็แค่ผมยังไม่ยอมหยุดถาม
นั่นเพราะทุกคำถามล้วนมีที่มา…
“ทำไมจึงอยากมีลูกอีกคนล่ะ” ผมถามผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เธอมีอายุมากประมาณหนึ่ง และเธอมีลูกอยู่แล้ว ๓ คน
ถ้าผมถามคำถามนี้ออกมา ผมก็พอจะเดาคำตอบได้บ้างก. ลูกหลงข. ลูกสามคนเป็นผู้ชาย นี่อยากได้ลูกสาวค. ลูกสามคนเป็นผู้หญิง นี่อยากได้ลูกชายง. สามีใหม่อยากมีลูกด้วยจ. ตอบสี่ข้อบนก็พอ
“มีสามีใหม่ค่ะ” นั่นไง“แล้วลูกทั้งสามคนที่มีอยู่ล่ะ”...
เรื่องเพศเล็กน้อยของวัยรุ่น
วันนี้ไปเยี่ยมคนไข้ที่ถูกผ่าท้องคลอดและตัดมดลูกไปเมื่อวันก่อนมา ลูกสาวเธอน่ารักน่าเอ็นดู เจ้าเปี๊ยกตัวนั้นมันกำลังถูกจับอาบน้ำในอ่างอาบน้ำเด็กของหอผู้ป่วย พี่พยาบาลกำลังสอนพ่อแม่ในการอาบน้ำเด็กอ่อน สอนไปวักน้ำไป ล้างหัว ล้างหน้า ล้างจิ๋มเด็ก
เสียงมันร้องไห้ดังลั่น โบราณว่าไว้ ปอดเด็กจะขยาย เด็กจะแข็งแรง ผมนึกในใจ...
ทำไมเราไม่อาบน้ำเด็กอ่อนพร้อมแม่วะ ทำไมไม่ใช้อ่างอาบน้ำของผู้ใหญ่ ให้แม่แก้ผ้าลงไปอาบกับลูกเลย อาบกันไป กอดคลอเคลียกันไป อยากจะรู้นัก ว่ามันจะแหกปากร้องอย่างที่เห็นในวอร์ดแบบเมื่อกี๊ไหม ดีไม่ดี มันอาจจะรู้สึกดีเหมือนได้อยู่ในมดลูกอยู่ก็ได้
น่าสนใจ...ผมเดินออกมาด้วยจิตใจแช่มชื่น เพราะจู่ๆ ก็นึกถึงลูกสาว ที่เมื่อครั้งมันยังตัวเล็กเป็นทารกแบบนี้อยู่นั้น ผมก็อาบน้ำให้ลูกทุกวัน...
เพศสัมพันธ์กันปีละครั้ง
“หมอรู้ไหม บางทีฉันก็ต้องถามตัวเอง ว่าเรากำลังข่มขืนสามีอยู่รึเปล่า” เธอเป็นคนเปิดประโยคนี้ออกมาก่อนที่ผมจะได้อธิบายว่าการตรวจภายในไปเมื่อครู่นั้นพบเจออะไรบ้าง
“หมอจำฉันได้ไหม ฉันเคยมาหาหมอเมื่อคราวก่อนเพื่อจะให้หมอทำรีแพร์ให้” เธอยังคงเรียกสติผมให้กลับมาสู่การสนทนา หลังจากที่เห็นผมทำท่าตะลึงจากบทสนทนาแรก
“จำได้สิ” ตอบว่าจำได้ เพราะเหลือบมองในประวัติเก่า ผมเขียนบันทึกการรักษาเอาไว้“ทำไมจะจำไม่ได้ เธอคือคนที่หมอบอกว่าจิ๋มปกติ จิ๋มของเธอหนีบได้แรงดี และท้ายที่สุดก็ไม่ยอมทำรีแพร์ให้” เธอยิ้มและพยักหน้า
“หมอยังพูดว่า หากจะให้จิ๋มเล็กกว่านี้ ก็เป็นรูตูดแล้ว” เธอแทบจะพูดประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมผม
“ใช่ ผมก็ยังจำเรื่องราวนั้นได้” จะว่าไป ที่จำได้ก็เพราะในค่ำวันนั้น ผมได้เขียนเรื่องราวของเธอบันทึกเอาไว้ในรูปแบบเรื่องสั้นนั่นเอง ผมจำทุกเรื่องที่เขียนลงไปได้เสมอ และผมบอกเธอไปว่า “เมียไม่ใช่นางบำเรอ”
“ฉันไม่ได้จำจิ๋มของเธอเอาไว้หรอกนะ...
non-technical skill ภาค ๒ กับการฟังเรื่องความรัก
วิ่งสิครับวิ่ง หากคิดอะไรไม่ออกก็ขอให้ออกไปวิ่ง เมื่อวานในช่วงที่ฝึกเป็นครูสำหรับเตรียมพร้อมเรื่องการสอนที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการแพทย์จ๋าๆจากครูนักบินนั้น ผมติดใจเรื่อง “การตั้งคำถาม”
ถามเพื่อให้ผู้เรียนคิด คำตอบที่ได้มาก็ต่อยอดคำถาม ถามเพื่อตะล่อมให้ได้คำตอบซึ่งจะได้ตรงกับจุดประสงค์ของการเรียนรู้ก่อน เลิกจากการเรียนนั้น ครูก็แพล็มออกมาว่า ในวันนี้จะต้องมีช่วงของการฝึกวางแผนการสอน โดยต้องเขียนเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจน
ชัดเจนยังไงเหรอ มันต้องเฉพาะเจาะจง วัดผลได้จริง ทำได้จริงๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการทำจริงๆ และเหมาะสมกับเวลา เอาเหอะ อย่าได้ใส่ใจตอนนี้ เพราะผมเองก็คงยังไม่เก่งพอที่จะสรุปออกมาเป็นคำสวยๆ หรือทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่สำคัญ ผมยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าจะทำเรื่องอะไรดี...
ชีววิทยาและถุงยางอนามัย
นี่ก็เกือบจะ ๘ โมงเข้าไปแล้ว ผมยังคงนั่งเอื่อยเฉื่อยจิบกาแฟอยู่หน้าบ้าน ปล่อยให้ความเงียบมาบำบัดจิตใจที่ฟุ้งซ่านจากการเผลอไปฟังข่าวเช้าเข้าให้ ใครฆ่าใครด้วยวิธีใด ใครจะเป็นกลุ่มงูเก่ายุคใหม่ พวกเขาต้องมีสัตยาบันกันไหม และใครที่ต้องมาเสียชีวิตจากการที่มีคนเมาแล้วขับรถไปชนเขา ข่าวนี้เล่นเอาผมจิตตกเข้าไปอีก เผลอนึกไปว่า หากตัวเองต้องมาตายไปในตอนนี้พร้อมเมีย ลูกทั้ง ๒ คนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถึงจะมีเงินล้นฟ้า มันก็คงสู้การกอดจูบอย่างคนึงหาเฉกเช่นตอนมีลมหายใจมิได้แน่ๆ
นกอีแพรดลงมาหาของกินแถวพื้นหน้าบ้าน แผ่แพนหางกระดกและส่ายให้ดูพอน่าตบ มีกระรอกตัวหนึ่งมันวิ่งไต่อยู่บนต้นลั่นทม ชะรอยจะมากินเศษมะพร้าวอ่อนที่ผมหั่นฝาเปิดเอาไว้และเตรียมพาไปทิ้ง นกพิราบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผมในช่วงนี้ มันครางอย่างได้อารมณ์อยู่บนหลังคาบ้าน
สรรพสิ่งรอบกายมันชวนให้การนั่งจิบกาแฟนั้นน่าอภิรมย์
ในช่วงเวลาเช้า อากาศมันเย็นกว่าช่วงสายแน่ๆ แต่กระนั้นมันก็ยังคงรู้สึกอุ่นๆ...
หัวใจวายตอนท้อง…โรคหัวใจกับการตั้งท้อง มันคือของแสลง เพราะการท้องจะทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น
เวลาเกือบจะตี ๒ แล้ว ผมเลือกที่จะเปิดกระจกรถแล้วขับลงมาจากอาคารจอดรถของโรงพยาบาลอย่างช้าๆ แสงส่องรายรอบมืดบ้าง สลัวบ้าง สว่างบ้างตามแสงไฟบนเสาส่องริมถนนภายในมหาวิทยาลัย บางอารมณ์ผมชอบแสงจากนีออนสีนวลขาว มันเป็นเหมือนแสงจากอดีต มองโคมไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าทีไร มันมักจะพาผมหวนกลับไปยังตรอกข้างบ้านพักนายอำเภอที่บ้านเกิดเสียทุกครั้ง
ตรอกตันมีความลึกราวๆ ๓๐๐ เมตร ที่แยกตัวออกมาจากถนนใหญ่สายหลักของตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ลึกเข้าไปจนสุดทางคือเรือกสวนเก่าที่เป็นที่อยู่ของพ่อและพวกเรา ปากซอยคือบ้านโบราณที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งทึ่ ๒ บ้านร้างที่พาให้ผมมีจินตนาการเพริดแพร้วไปถึงผีบ้านผีเรือนที่อาศัยอยู่ ช่วงเวลาค่ำมืดดึกดื่น มันคือจุดต้นซอยที่ทำให้ผมได้ออกกำลังกายเสียทุกครั้ง “วิ่งป่าราบ” เพราะกลัวผีหลอก...
โรงพยาบาลคอกควาย
พอจะได้แก้ไขก็มีการประท้วง น่าตลกที่ว่าบางครั้งการประท้วงเกิดจากคนๆเดียว (ที่ไม่มีโอกาสทำให้ภรรยาท้องได้ ไม่เคยมีโอกาสเลี้ยงเด็กดาวน์ ไม่มีโอกาสดูแลคนไข้แท้งติดเชื้ออาการปางตาย) การตัดสินปัญหาก็ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
วันที่ 27 มิถุนายน 2550
วันนี้เป็นวันพุธกลางสัปดาห์ ตื่นขึ้นมาไม่รู้กี่โมง แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นานจนนาฬิกาปลุก กว่าจะออกจากที่พักก็ 7.15 น. รถราพลุกพล่านทีเดียว วันนี้ทำงานในคลินิกทั้งเช้าและบ่าย คนไข้ไม่ค่อยมาก ช่วงเช้าเราเปิด 4 ห้อง (สืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวาน) สามารถเลิกคลินิกได้ภายในเวลา 11.30 น. ครูหาญเลยพอใจ
ตอนเที่ยงผมแวะไปที่ห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือมาอ่านหน่อย วันนี้ยืมหนังสือ...
โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม
“โตขึ้นอยากเป็นอะไร บอกหมอหน่อยได้ไหม”ผมถามน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเข้ามาพบผมพร้อมกับแม่
“อยากเป็นผู้พิพากษาค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้ผมอย่างเขินๆ
“ทำไมล่ะ” บางที ไอ้คำถามประเภท “ทำไมล่ะ” ที่ถามออกไป อาจจะไม่ได้อยากรู้เหตุผลมากไปกว่าการต่อการสนทนา แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ ผมอยากรู้เหตุผลของความอยากเป็นผู้พิพากษาจริงๆของเธอ......................
โดยปกติ เวลามีใครสักคนเข้ามาหาผมด้วยเรื่องท้องไม่พร้อม ผมมักจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ส่วนใหญ่มาคนเดียว ไม่ก็มีใครสักคนที่เพื่อนพาเข้ามา และที่พบบ่อยๆ ก็คือ คนเป็นแม่พาลูกสาวเข้ามาเพื่อขอให้ช่วยทำแท้งให้
“ลูกจะต้องเรียนหนังสือค่ะหมอ” แบบนี้ได้ยินบ่อย“มันยังเด็กอยู่เลยนะหมอ” อันนี้ก็บ่อย“มันรับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะดูลูกได้ยังไงล่ะหมอ” อันนี้ก็ชินมาก
แต่คราวนี้ผมรู้สึกสนใจในแม่ลูกคู่นี้มาก
“หมอคะ ฉันตั้งท้องค่ะ มีพยาบาลแนะนำให้มาพบหมอ...